ย้อนรอยตำนานนักเตะยุค 90 ตอนที่ 1 โดยดูบอลออนไลน์

ย้อนรอยตำนานนักเตะยุค 90 ตอนที่ 1

ในปัจจุบันนักเตะที่ใกล้เคียงกับคำว่าระดับโลกที่สุดคงหนีไม่พ้น"คริสเตียโน โรนัลโด้"กับ"ลีโอเนล เมสซี"เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น

แต่ถ้าลองย้อนไปในอดีตในช่วงยุค 90 เราจะพบว่าช่วงเวลาเหล่านี้เต็มไปด้วยสตาร์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับมากมายมีใครกันบ้างไปเริ่มกันเลย

ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ

"สตอยช์คอฟ"คือหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลกในทศวรรษที่ 90 เขาคือคู่หูของ โรมาริโอ ในทีมที่มี โยฮัน ครัฟฟ์ คุมทัพ ซึ่งถือเป็นยุคที่บาร์เซโลน่า ยิ่งใหญ่ที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร หลังพาบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีกาติดต่อกัน 4 สมัย และคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพอีก 1 สมัย ก่อนย้ายออกไปในปี 1995 แต่ก็ย้ายกลับมาอีกครั้งในปีต่อมา โดยสามารถพาบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ได้อีก 1 ครั้ง และแชมป์ยุโรป คัพ วินเนอร์ อีก 1 ครั้งนั่นทำให้กองหน้าชาวบัลแกเรียถูกยกให้เป็นขวัญใจของแฟนบอล "เจ้าบุญทุ่ม" 


ส่วนผลงานระดับทีมชาติของเจ้าตัวของเคยพาบัลแกเรียไปได้ไกลสุดด้วยการได้อันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลกปี 1994 พร้อมยิงไปทั้งสิ้น 6 ประตูคว้ารางวัลดาวซัลโวฟุตบอลโลกไปครองด้วยผลงานขนาดนี้ส่งผลให้ สตอยช์คอฟ ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ในปี 1994 อีกด้วย ดูบอลออนไลน์

โรแบร์โต บัจโจ

"เทพบุตรเปียทองคำ"เล่นในตำแหน่งกลางรุกหรือหน้าต่ำ ทักษะของเขานั้นยากที่จะให้ใครมาเทียบได้ไม่ว่าจะเป็นการจับบอลนิ่มนวล จ่ายบอลเฉียบคม มีไหวพริบ การยิงประตูที่แม่นยำ หรือจะพาบอลทะลุทะลวงไปเองก็ได้  แถมลูกยิงฟรีคิกที่ไม่เป็นรองสองใครเขาประสบความสำเร็จมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งกับฟิออเรนตินา, ยูเวนตุส และเอซี มิลาน นอกจากนี้เขายังเคยคว้าบัลลงดอร์มาครองได้อีก 1 สมัย

แต่น่าเสียดายที่"บาจโจ้"อาภัพในนามทีมชาติ เมื่อเขาเป็นคนยิงจุดโทษข้ามคานในฟุตบอลโลก 1994 และถือเป็นช็อตคลาสสิคอีกหนึ่งฉากในโลกลูกหนัง 

ริวัลโด้

อดีตมิลฟิลด์ทีมชาติบราซิลจัดเป็นนักเตะจอมทักษะ มีทีเด็ดอยู่ที่การจ่ายคิลเลอร์พาสและมีเท้าซ้ายที่หนักแน่นยิงไกลได้อย่างแม่นยำแถมยังสามารถปั้นฟรีคิกที่สามารถหวังผลได้อีก โดยในช่วงหนึ่งเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะหมายเลข 1 ของโลกพร้อมพ่วงด้วยดีกรีรางวัล บัลลงดอร์ ปี 1999


"ริวัลโด้"ประสบความสำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2002 แชมป์ โคปา อเมริกา 1999 และแชมป์ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 1997 ในนามสโมสรเขาคว้าแชมป์ลาลีกากับบาร์เซโลนาได้ 2 สมัย และพาเอซี มิลาน คว้าแชมเปียนส์ลีก อีก 1 สมัย แต่น่าเสียดายที่ช่วงพีคของเขาสั้นเกินไปทำให้มักจะถูกพูดถึงน้อยกว่าสตาร์รายอื่นๆ

มาร์โก แวน บาสเท่น

"เพชรฆาตพรายกระซิบ"มาร์โก แวน บาสเท่น อดีตศูนย์หน้าทีมชาติฮอลแลนด์ เป็นหนึ่งใน 3 ทหารเสือ ที่พาฮอลแลนด์ได้แชมป์ยูโร 1988 แวน บาสเท่น เป็นนักเตะที่เล่นบอลได้สวยงาม เป็นหนึ่งในศุนย์หน้าที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลก สังเกตได้จากการจัดอันดับทีไรจะต้องมีแกติดด้วยทุกรอบแน่นอน เวลาเล่นบอลมักอยู่ถูกทีถูกเวลาเสมอ และสามารถยิงได้ทันทีถ้าหากมีโอกาสจึงเป็นที่มาของฉายา"เพชรฆาตพรายกระซิบ"

ในระดับสโมสร แวน บาสเท่น เริ่มต้นอาชีพกับอาแจ็กซ์ในปี 1981 พร้อมพาทีมคว้าแชมป์มากมายจากผลงานลงสนาม 133 นัด ยิงไป 128 ประตู จนถูกสอยตัวมาร่วมทีมเอซี มิลานในปี 1987 และก็พาเอซี มิลานคว้าแชมป์ลีกร่วมด้วยแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 2 สมัย

ซึ่งส่งให้เขาคว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปได้ถึง 3 สมัยในปี 1988,1989,1992 และนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกอีก 2 สมัยในปี 1988,1992

รุด กุลลิท

สุดยอดตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่คนนี้ เป็นหนึ่งในกลุ่ม 3 ทหารเสือที่ประกอบไปด้วย แวน บาสเทน, ไรท์กาจ และ ก็ตัวเขาเอง ซึ่งเคยนำทีมชาติฮอลแลนด์ของพวกเขาเถลิงบัลลังก์แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 1988 มาแล้ว ดูบอลออนไลน์

ด้วยทรงผมที่จ๊าบโดดเด่น หน้าตาคมคายมีหนวดเฟิ้มโครตเท่ห์ แถมเล่นบอลเก่งสุดๆ ลีลาก็ถือว่าสวยงามจนเขาขนานนามกันว่า"เซ็กส์ซี่ฟุตบอล"กุลลิทเล่นได้แทบทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น มิดฟิลด์ ตัวรุกที่ เอซี มิลาน เป็นศูนย์หน้าคู่มันชินี่ ที่ซามพ์โดเรีย แถมลงมาเล่นหลังให้ เชลซีได้อีก

โดยเขาประสบความสำเร็จสูงสุดกับเอซี มิลานคว้าแชมป์ลีกมาได้ 3 สมัยและแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพอีก 2 สมัยด้วยความยอดเยี่ยมขนาดนี้ส่งให้เขาได้รับรางวัลบัลลงดอร์ไปในปี 1987

ผู้เขียน Toffeesmen