นี่มันฆาตกรรมชัดๆ!!10 แมตช์ถล่มแหลกโลกลูกหนัง ตอนที่ 1 โดยดูบอลสด

นี่มันฆาตกรรมชัดๆ!!10 แมตช์ถล่มแหลกโลกลูกหนัง ตอนที่ 1

บ่อยครั้งที่เรามักเห็นบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไล่ถล่มทีมเล็กชนิดไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว ดูบอลสด

แต่อย่างไรก็ตามนั้นอาจจะยังไม่ใช่ที่สุดของการยิงประตู เพราะต่อจากนี้เราจะพาไปชม 10 แมตช์ถล่มแหละชนิดทีว่านายทวารอยากจะร้องไห้กันเลย โดยจะมีทีมไหนกันบ้างไปติดตามพร้อมกันเลย!!

1.ยูโกสลาเวีย 9-0 ซาเอียร์(1974)

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 1974 โดยในทัวร์นาเม้นต์นั้น ซาเอียร์ เริ่มต้นด้วยการแพ้ให้กับ สก็อตแลนด์ 0-2 ก่อนที่ในเกมนัดที่สองพวกเขาต้องไปเจอกับ ยูโกสลาเวีย ซึ่งสุดท้ายพวกเขาต้านทานไม่ไว้และพ่ายด้วยสกอร์สุดเละเทะ 0-9

โดยมีหนึ่งในแข้งชุดดังกล่าวได้เล่าไว้ว่า “พวกเรามีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า เราจะกลับบ้านด้วยการเป็นมหาเศรษฐี เพราะพวกเราจะประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก ”

ซึ่งก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีของพวกเขา ก็ลงทุนซื้อรถให้นักเตะในทีมทุกคนคนละคันเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่พวกเขาพ่ายแพ้ต่อยูโกสลาเวียถึง 0-9 สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนแปลงไปทันที

ซึ่งแข้งคนดังกล่าวยังได้เหล่าต่ออีกว่า “เขาส่งการ์ดมาขู่พวกเรา พวกเขาปิดโรงแรมและบอกกับทุกคนในทีมว่า ถ้าเกมหน้าเราแพ้เกินกว่า 4 ลูกต่อ บราซิลละก็ จะไม่มีใครในที่นี้ได้กลับบ้าน” (ซึ่งถือว่ายังโชคดีที่พวกเขาแพ้ไปแค่ 0-3 สงสัยจะกลัวไม่ได้กลับบ้านกัน)

2.โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 12-0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์(1978)

ในฤดูกาล 1977/78 กลัดบัค ทีมอันดับ 2 ในตอนนั้นกำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ "แพะบ้า" โคโลญจน์ อย่างสนุก โดยก่อนแข่งนัดสุดท้ายพวกเขามีแต้มเท่ากันต่างกันเพียงลูกได้เสียเท่านั้นทำให้ในนั้นสุดท้ายพวกเขาต้องลุ้นให้ โคโลญจน์ แพ้หรือเสมอ แ้ลวพวกเขาชนะ หรือถ้าชนะทั้งคู่พวกเขาก็ต้องยิงให้ได้เกิน 10 ลูก เป็นอย่างน้อย

สุดท้าย "สิงห์หนุ่ม" ทำได้จริงๆ พวกเขายิงถล่ม "เสือเหลือง" ไปถึง 12 ลูก แต่น่าเสียดายที่มันไม่เพียงพอต่อการคว้าแชมป์ เพราะจ่าฝูงอย่าง โคโลญจน์ เองก็เอาชนะ ซังค์ เพาลี ไปได้ด้วยผลต่าง 5 ประตูเหมือนกัน ซึ่งเมื่อจบซีซั่นนั้นก็เป็น "แพะบ้า" ที่เชือด กลัดบัค ด้วยผลต่างเพียง 3 ลูกเท่านั้นคว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การล้มบอลอย่างแน่นอน เพราะหลังจากจบเกมนั้น ดอร์ทมุนด์ สั่งปลด "อ็อตโต้ เรห์ฮาเก้ล" กุนซือในขณะนั้นทันที เช่นเดียวกับผู้รักษาประตูที่ถูกขายทิ้งไปพร้อมกัน แถมยังสั่งปรับนักเตะอีกหลายรายอีกด้วย

3.ฮังการี 10-1 เอล ซัลวาดอร์(1982)

ในศึกฟุตบอลโลกปี 1982 ที่สเปน เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ต้องมีการจารึกไว้ในประวัติศาตร์เพราะมีการยิงประตูกันมากที่สุดในเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย นั้นคือเกมที่ ฮังการี ยําใหญ่ใส่ เอล ซัลวาดอร์ เละเทะ 10-1 ซึ่งหลังจากแพ้ให้กับ ฮังการี แล้ว เอล ซัลวาดอร์ ยังไปแพ้ให้กับ เบลเยี่ยม(0-1) และ อาร์เจนติน่า(0-2) ตกรอบไปตามระเบียบ

แต่อย่างไรก็ตาม ฮังการี ที่ถล่ม เอล ซัลวาดอร์ ในเกมแรกไปถึง 10-1 กลับไม่สามารถผ่านเข้ารอบไปเล่นต่อไปได้เพราะ 2 นัดที่เหลือพวกเขาทำได้เพียงเสมอกับ เบลเยี่ยม และแพ้ให้กับ อาร์เจนตินา ไปอย่างเหลือเชื่อ 

4.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9-0 อิปสวิช(1995)

เกมนี้ถือเป็นเกมที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือของ "ปีศาจแดง" พาทีมชนะด้วยสกอร์ที่สูงที่สุดในการคุมทีม 27 ปีของเขา ทั้งยังเป็นสกอร์สูงสุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก อีกด้วย

แต่ที่มันน่าเหลือเชื่อกว่าก็คือก่อนหน้านั้น อิปสวิช เปิดบ้านของตัวเองพบ แมนฯยูไนเต็ดและเอาชนะลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปได้ 3-2 ก่อนจะมาโดนเอาคืนที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ส่วนอีกเรื่องทีน่าสนใจคือนายทวารของอิปสวิช เคร็ก ฟอร์เรสต์ กลับมาถูก "ปีศาจแดง" ยิงอีกครั้ง 7 ประตูในอีก 5 ปีให้หลัง ณ สนามเดิม (ช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้)

5.นิวคาสเซิล 8-0 เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์(1999)

ในซีซั่น 1999/2000 นิวคาสเซิลกำลังพบกับสถานการณ์ลำบากหลังจากที่พวกเขาไม่ชนะใครติดต่อกัน 7 นัดติดจนอันดับร่วงลงไปอยู่ในโซนตกชั้น บอร์ดบริหารจึงจัดการแต่งตั้ง เซอร์ บ็อบบี ร็อบสัน อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เข้ามาเป็นนายใหญ่คนใหม่  ดูบอลสด

และเพียงแต่เกมเหย้าเกมแรก เขาก็พาทีมเอาชนะ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ไปได้ถึง 8-0 โดย อลัน เชียเรอร์ หัวหอกกัปตันทีมคนเก่งทำคนเดียว 5 ประตู จนทำให้ทีมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ส่วนฝั่ง นกเค้าแมว ตกชั้นไปตามระเบียบและยังไม่สามารถกลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้อีกเลย

ผู้เขียน Toffeesmen