ดูบอลออนไลน์ เซอร์ไฟร์ส!! 5 ทีม"นอกสายตา"ที่คว้าแชมเปียนส์ลีก
เซอร์ไฟร์ส!! 5 ทีม"นอกสายตา"ที่คว้าแชมเปียนส์ลีก
ในฤดูกาล 2016/17 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นคงเป็นอะไรที่หลายๆคนเฝ้ารอไม่เว้นแม้แต่เวทีพรีเมียร์ลีกที่เต็มไปด้วยกุนซือยอดฝีมือแต่ในเวทีแชมเปียนส์ลีกเชื่อว่าลึกๆแฟนบอลทั่วโลกคงแอบเอาใจช่วย"เลสเตอร์ ซิตี้"ให้สร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งในการคว้าแชมป์มาให้ได้
แต่ก่อนจะเริ่มเชียร์ไปดูกันก่อนว่าในอดีตมีทีมไหนที่เป็นทีมนอกสายตาแต่กลับคว้าแชมป์มาครองได้แบบไม่น่าเชื่อกันบ้าง
1.เรดสตาร์ เบลเกรด(1990/91)
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 1990-91 สมัยที่ ถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรปยังใช้ชื่อว่า ยูโรเปียน คัพ"เรดสตาร์ เบลเกรด"ทีมหัวแถวของลีกยูโกสลาเวีย (ปัจจุบันอยู่เซอร์เบีย) ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะสามารถคว้าแชมป์ได้และด้วยท่ามกลางสถานการณ์การเมืองในประเทศยูโกสลาเวียที่ร้อนระอุจากการแยกประเทศในหลายพื้นที่ตรงกับช่วงสงครามเย็นล่มสลายทำให้พวกเขาถูกมองเป็นแค่ไม้ประดับในเวทีนี้เท่านั้น
แต่แล้วชัยชนะเหนือทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยผลสกอร์รวม 4-3 และในเกมรอบชิงชนะเลิศก็จัดการปราบโอลิมปิก มาร์กเซย์ จากฝรั่งเศสในช่วงการดวลจุดโทษไปได้ 5-3 หลังจากการแข่งขัน 90 นาทีและต่อเวลาพิเศษที่ไม่มีทีมไหนยิงประตูได้เลยส่งผลให้ทีมเรดสตาร์เบลเกรดคว้าแชมป์สมดั่งใจได้สำเร็จ ดูบอลออนไลน์
2. โอลิมปิก มาร์กเซย์(1992/93)
หลังจาก 2 ฤดูกาลก่อนหน้าแพ้ให้กับ เรดสตาร์ฯ มาในเกมรอบชิง"มาร์กเซย"ก็กลับมาอีกครั้งแต่รอบนี้ผลไม่เหมือนเดิมพวกเขาทำได้สำเร็จโดยมาร์กเซย ยังเป็นทีมแรกของฝรั่งเศสที่คว้าแชมป์ถ้วยยุโรปในนามใหม่ “ยูฟ่าแชมปเปี้ยนลีก” หลังจากเคยอกหักเมื่อสองปีก่อน พวกเขาเอาชนะเอซี มิลานไปได้ 1-0 จากการยิงประตูของ บาเซิล โบลี ในนาทีที่ 43
ส่วนผู้เล่นสำคัญในทีมชุดนั้นก็ได้แก่ ฟาเบียง บาร์กเตซ, มาร์เซล เดอไซญี, ดิดิเยร์ เดชองส์, รูดี้ โฟลเลอร์, อเลน บ็อคซิช
จริงอยู่ที่ มาร์กเซย์ ถือเป็นทีมสุดแกร่งของ ลีกเอิง ฝรั่งเศส แต่ยุคนั้นก็เทียบไม่ได้กับบารมีของเหล่าทีมดัง ๆ จากอิตาลี อย่าง เอซี มิลาน หรือ ยูเวนตุส ได้เลยแม้แต่น้อย
3. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์(1996/97)
คงจะปฏิเสธไม่ได้กับทีมที่ม้ามืดในบุนเดสลิก้าอย่าง"โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์"กับผลงานฟอร์มร้อนแรงสู้ทีมคู่รักคู่แค้น บาเยิร์นมิวนิคได้สบาย
ภายใต้การคุมทีมของ อ็อตมาร์ ฮิซต์เฟลด์ มีหัวหอกคนสำคัญอย่าง มัทธีอัส ซามเมอร์ กัปตันทีม,สเตฟาน รอยเตอร์,เปาโลซูซา,คาร์ล ไฮนซ์ รีดเล่ ดาวยิงของทีม แต่แม้จะมีแข้งระดับท็อปอยู่หลายคนในทีมแต่ถ้ามองคนจริงๆยังไงก็เป็นรองทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่นในตอนนั้นอย่างมากแถมเส้นทางของพวกเขานั้นทรหดสุดๆ เพราะต้องผ่านทั้ง แอตฯ มาดริด, โอแซร์, แมนฯ ยู, ก่อนจะมาปราบ ยูเว่ ลงได้ในนัดชิง ด้วยสกอร์ 3-1 คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างน่าทึ่งสุด ๆ และเป็นการคว้าแชมป์เป็นครั้งแรก
4. เอฟซี ปอร์โต(2003/04)
เหนือความคาดหมายสำหรับทีมปอร์โต จากโปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของ"โชเซ่ มูริญโญ"ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาต้องรับมือกับทีมอย่าง เรอัล มาดริด และ มาร์กเซย์ จากนั้นก็อัด แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบ 16 ทีม, ลียง ในรอบ 8 ทีม และ ลาคอรุนญาและผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศพบกับทีมโมนาโก จากฝรั่งเศส ซึ่งเอาชนะไป 3-0 คว้าแชมป์อีกครั้งในรอบ 17 ปี ก่อนที่มูริญโญย้ายมาคุมเชลซีในฤดูกาลใหม่
5. ลิเวอร์พูล(2004/05)
หลังจากที่ ปอร์โต สร้างประวัติศาสตร์ได้ในซีซั่นก่อนหน้าที่นี้ก็มาถึงทีมยักษ์หลับอย่าง"ลิเวอร์พูล"ที่เป็นผู้เขียนตำนานบทใหม่ให้เกิดขึ้นบนเวทีนี้ด้วยในอีกหนึ่งปีต่อมา ดูบอลออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ที่ปีนั้นมี สตีเวน เจอร์ราร์ด อยู่เป็นหัวใจหลักของทีมก็สร้างปาฏิหารย์ผ่านทะลุผานคู่แข่งอย่าง เลเวอร์ฯ, ยูเว่, เชลซี ขึ้นมารอบแล้วรอบเล่าจนถึงรอบชิงได้อย่างเหลือเชื่อ
และคู่ชิงของพวกเขาก็คือยอดทีมอย่างเอซี มิลาน ในการคุมทีมของ คาร์โล อันเลอตติ และหัวหอกคนสำคัญอย่าง เปาโล มัลดินี กัปตันทีม,กาก้า และอันเดรีย ปรีโลโดยครึ่งแรกเอซี มิลานเป็นฝ่ายได้เปรียบก่อนยิงไป 3 ประตู เกมดูเหมือนว่าจะจบ แต่ครึ่งหลังลิเวอร์พูลไม่ยอมน้อยหน้ายิงตีเสมอเป็น 3-3 และกลับมาเอาชนะในการดวลจุดโทษในที่สุดคว้าแชมป์อีกครั้งในรอบ 21 ปี เป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของกุนซือ ราฟาเอล เบนีเตซ รวมทั้งนักเตะอย่าง สตีเว่น เจอราร์ด กัปตันทีมผู้ที่ทำให้ลิเวอร์พูลกลับมามีความหวังอีกครั้ง และชาบี อลอนโซ่ เป็นผู้ตีเสมอให้ทีมได้ลุ้นโอกาสเป็นแชมป์
ผู้เขียน Toffeesmen
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น